ทำไมผู้บริหารแบงก์บวชตลอดชีวิต ?
ทำไมผู้บริหารแบงก์บวชตลอดชีวิต ?
(พระสุวิทย์ ผาติวโร)
ทำไม..ถึงทิ้งเงินเดือนมหาศาล
ยอมทิ้งอนาคตที่กำลังรุ่ง
มาบวชอุทิศชีวิต!!!
ทุกครั้งที่เงินเดือนออก เราก็ถามตัวเองว่า ชีวิตมีแค่นี้เองหรือ มันจะมีคุณค่ามากกว่านี้ได้ไหม? ทำอย่างไรคุณค่าของชีวิตถึงจะเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งเราคิดว่าการเป็นพระมีค่าสูงมาก ตีค่าไม่ได้
ชีวิตดำดิ่งแต่รอดได้เพราะธรรมะ
ตอน ม.1 ไปเรียนพิเศษแคลคูลัส ทำโจทย์ฝึกซ้อมเยอะ หลังจากนั้นเลยสอบเทียบ จาก ม.2 ได้ขึ้น ม.4 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ในเทอมที่ 2 หลวงพี่สอบได้วิชาคณิตศาสตร์ 100 เต็ม พวกวิชาที่ใช้เอนทรานซ์ เช่น ฟิสิกส์ เคมี ได้คะแนนดี แล้วก็เข้ามหาวิทยาลัยเลย รวมแล้วไม่ได้เรียนมัธยมไป 3 ชั้น ปีแรกสอบได้บัญชีจุฬาฯ อีกปีหนึ่งไปสอบใหม่ ได้คณะวิศวกรรมอุตสาหการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หลวงพี่มาเจอรุ่นพี่ที่คณะวิศวะคนหนึ่ง ซึ่งทำให้ชีวิตหลวงพี่ดำดิ่งลงไปข้างล่าง เขามีรถหลายคัน มีแฟนหลายคน เขาเล่นการพนัน เราก็ลองเล่นหวยตามเขาดู เล่นครั้งแรกได้มาแสนกว่าบาท เอ๊ะ! ดีนี่นา ก็แทงอีก ปรากฏว่ามันเริ่มเสีย คืองวดนั้นเสีย 200,000 บาท ก็เลยรู้สึกว่าหยุดก่อนดีกว่า หลังจากนั้นก็เลยเลิก ช่วงนั้นเป็นจุดที่แย่สุดของชีวิตเลย คือ เรียนวิศวะก็ติดโปรฯ 1 กว่าๆ มาตลอด ถ้าติดอีกเทอมหนึ่งเขาจะให้ออกแล้ว
ตอนนั้นหลวงพี่ติดการพนัน เที่ยวกลางคืน คะแนนเลยออกมาแย่มากๆ เทอมแรก จาก 700 คน ถ้าเอาคะแนนมาเรียงกันทั้งรุ่น หลวงพี่ได้ที่ 7 จากข้างล่าง
ช่วงนั้น คุณแม่ให้ขับรถมาวัดวันอาทิตย์ต้นเดือนและงานบุญใหญ่ ก็เอาเทป เอาหนังสือธรรมะกลับมาบ้าน เลยได้อ่านหนังสือธรรมะ และได้ไปปฏิบัติธรรม ได้ศึกษาพระพุทธศาสนามากขึ้น ช่วงที่ชีวิตดำดิ่งก็มีเรื่องของการศึกษาคำสอนตรงนี้ค่อยๆ ซึมเข้ามาเรื่อยๆ ก็เลยตั้งใจเรียน พอจะจบก็ดึงคะแนนขึ้นมา แล้วก็หลุดโปรฯ จบพอดี
ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ที่บ้านหลวงพี่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเสาเข็ม ทั้งผลิตและไปตอกเสาเข็ม แล้วก็มีธุรกิจก่อสร้างถนน หลวงพี่เรียนจบปี 2540 ในยุคปี 2540 เราก็เป็นหนึ่งในบริษัทซึ่งเจอปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทล้มละลาย ทรัพย์สินของบริษัทสูญไปหมด
หลังจากหลวงพี่ทำงานทางด้านการเงินมา 3 ปี ก็ไปเรียนปริญญาโทต่อที่จุฬาฯ ในพี่น้อง 6 คน เขาไปเรียนต่อโทที่ต่างประเทศทั้งหมด หลวงพี่เป็นคนเดียวที่ทำงานไปด้วยแล้วก็ส่งตัวเองเรียน
เด็กที่มาเรียนการเงินปริญญาโทหรือปริญญาตรีก็ตาม ความฝันของพวกเขาเท่าที่เคยคุยกัน ส่วนใหญ่อยากเป็นนักวิเคราะห์กับผู้จัดการกองทุน หลวงพี่อาจจะโชคดีตรงที่จบวิศวะมา ไม่ได้มีพื้นด้านนี้ อยู่ๆ เขาก็ให้เป็นนักวิเคราะห์เลย อยู่ในสถาบันการเงิน บริหารเงินให้กับบริษัทหลักทรัพย์ ทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยอยู่ 11 ปี ได้เป็นผู้อำนวยการ เป็นที่ปรึกษาการเงินให้กับฝ่ายธุรกิจ Private Banking ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จ แล้วก็หลวงพี่ก็ได้รางวัล K-Star K-Heroes สำหรับการเป็นพนักงานที่มีผลงานโดดเด่นยอดเยี่ยมของฝ่าย ทำงานแล้วสร้างประโยชน์ให้กับธนาคาร เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน
ต่อมา หลวงพี่มีโอกาสได้ย้ายไปทำงานเป็น Directer ของธนาคารเครดิตสวิส เราก็ไม่คิดหรอกว่าวันหนึ่งจะมาถึงจุดนี้ได้ พอเราเข้าวัดนำธรรมะเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว เราก็เห็นว่าชีวิตมันเปลี่ยนแปลง แล้วค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งว่า ธรรมะดีจริง
แสวงหาคุณค่าของชีวิต
คุณค่าเป็นเรื่องที่แสวงหาในชีวิต เราอยากทำอะไรให้ชีวิตมันมีคุณค่า ทุกครั้งที่เงินเดือนออก เราถามตัวเองว่าชีวิตมีแค่นี้เองเหรอ ทำอย่างไรคุณค่าของชีวิตถึงจะเพิ่มขึ้นได้ ก็เลยคิดว่าจะไปเรียนปริญญาเอกทางการตลาด อาจจะไปเป็นอาจารย์พิเศษในวันเสาร์-อาทิตย์ ก็เรียนจนจบ
เราทำงานมาจนถึงจุดที่เรียกว่า เราก็เติบโตได้ดี แล้วสร้างประโยชน์ให้กับคนรอบข้างได้ เราก็ภูมิใจแล้ว
แต่ว่าสิ่งที่เราจะได้ถ้าศึกษาพระพุทธศาสนามาเรื่อยๆ คือความจริงของชีวิต การสร้างบารมีเราต้องเอาจริง ตายแล้วเรายังต้องเกิด ภพภูมิยังต้องมี ทำบาปแล้วยังต้องรับกรรม ถ้าเราไม่ได้มาเกิดเจอคำสอนในพระพุทธศาสนา เราก็คงทำบาปทำกรรมตามกระแสของโลก เพราะฉะนั้นความโชคดีที่เราเจอวันนี้แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราประคองตัวเองให้สร้างบารมีต่อเนื่องในภพชาติต่อๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ จนกว่าจะนิพพาน
หลวงพี่ต้องการจะยืนยันกับตัวเองว่า สิ่งเหล่านี้ ถ้าเราจะทุ่มตัวเข้าไปแล้วมันมีอยู่จริง เราจะเดินเส้นทางนี้แล้ว เรายอมที่จะแลกชีวิตแล้ว สิ่งที่หลวงพ่อสอน มโนปณิธานของท่าน แล้วเราก็เห็นความเสียสละที่ท่านมีความรับผิดชอบต่อพระศาสนา ในโลกนี้มีคนที่มีน้ำใจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ด้วย ท่านทำอย่างนี้มา 60 ปีแล้ว จริง ๆ แล้วท่านไม่ได้อะไร ท่านมีแต่ให้อย่างเดียว แล้วก็มาชวนให้เราหาทางให้ชีวิตพวกเราเองปลอดภัย ดังคำสอนของท่านที่ว่า
“เป้าหมายชีวิตคือการทำพระนิพพานให้แจ้ง สลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์ เพราะชีวิตมีทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดเป็นชนชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง ล้วนมีทุกข์ ไม่มีใครที่ไม่มีทุกข์เลย ฉะนั้นการสลัดตนพ้นจากกองทุกข์จึงเป็นเป้าหมายชีวิตที่สำคัญ และสมาธินี่แหละจะช่วยได้ ดูพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผ่านวิธีการต่าง ๆ มาที่จะดับทุกข์ มาพบตอนนั่งสมาธิที่ใต้ต้นโพธิ์น่ะแหละ”
คุณค่าของการบวชประเมินค่าไม่ได้
การได้มาบวชถึงแม้เราอาจจะยังไม่ได้บรรลุธรรมขั้นสูงอะไร แต่ว่าคุณค่าของความเป็นพระ การได้มาเป็นอายุให้พระศาสนา มีส่วนทำให้มีคนดีเพิ่มขึ้นในสังคม แค่นี้ก็เป็นคุณค่าที่มหาศาลแล้ว ศาสนาไม่ได้ตั้งอยู่นาน วันนี้โชคดีขนาดไหนได้มาเกิดในประเทศไทย เจอพระพุทธศาสนา สิ่งที่เราควรจะทำคือ เราต้องตักตวงบุญบารมีไปให้เต็มที่ ธรรมะเปลี่ยนเราได้ ให้เราเจริญก้าวหน้าในชีวิต เพิ่มความรู้ให้ตัวเราเอง มีสัมมาทิฐิที่ถูกต้องมากขึ้นเกี่ยวกับโลกและชีวิต ถ้ายังทำงานอยู่ปีหนึ่งได้เท่าไร แต่ทุกครั้งที่คิด เราจะตอบตัวเองได้ว่า คุณค่าของการมาบวชมันสูงกว่านั้นมาก มันตีค่าไม่ได้ ที่หลวงพี่คิดก็คือ พระพุทธเจ้าท่านเป็นพระราชา ท่านมียิ่งกว่าเราเยอะ ท่านยังสละมาเลย
กราบขอบพระคุณหลวงพ่อ
กราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่อุตส่าห์ลำบากพาลูกมาจนถึงวันนี้ และเมื่อมาบวชแล้วก็ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่ลูก ลูกก็จะตั้งใจเป็นพระที่ดี จะตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย และจะตั้งใจช่วยงานหลวงพ่ออย่างเต็มที่ และมีหลวงพ่อเป็นหลักชัยไปจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรมครับ
/Cr. สำนักสื่อธรรมะ
#บวช #พระ #วัดพระธรรมกาย #ธรรมกาย #ผู้บริหาร #แบงค์

ไม่มีความคิดเห็น: